หนังสือชีวประวัติ "ยอดนักสู้ หลู่ หยุ่น ซิ้ว"
หนังสือชีวประวัติ "ยอดนักสู้ หลู่ หยุ่น ซิ้ว"
บทที่ 5
สูญเสียครั้งใหญ่
การสูญเสียบุคคลที่เรารัก พ่อ แม่ หรือลูก เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงกฎธรรมชาตินี้ อยู่ที่ว่ามันจะมาถึงช้าหรือเร็ว…
ค่ำคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 เป็นห้วงเวลาที่บาดหัวใจฉันที่สุด ทันทีที่รับรู้ข่าวร้ายว่า เฉิน เฉียน ฟัง ถูกคนร้ายยิงถึง 5 นัด!! กระสุนถูกจุดสำคัญภายในร่างกาย ส่งผลให้เขาไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ เสียชีวิตทันทีในร้านขายเสื้อผ้ากิจสยาม
นับเป็นความโชคร้ายของ เฉิน เฉียน ฟัง ที่ทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่รู้หรอกว่าลูกค้าที่มาซื้อสินค้าใครเป็นใคร เป็นพ่อค้าใครมาซื้อก็ขาย แต่สำหรับกลุ่มก่อการร้ายกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมาซื้อสินค้าที่ร้านบ่อยครั้ง ก็ทึกทักไปว่า เฉิน เฉียน ฟัง ก็น่าจะเป็นหนึ่งในศัตรูคู่อริ
เมื่อสบโอกาส ก็เปิดปฏิบัติการอย่างเหี้ยมโหด ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ทิ้งเป็นรอยแผลในใจให้กับฉันและลูกๆ ทุกคน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ สะเทือนใจฉันและลูกๆ เป็นอย่างมาก ที่หัวหน้าครอบครัวต้องมาด่วนจากไปก่อนวัยอันควร ด้วยวัยเพียง 44 ปี เท่านั้น
แม้โชคชะตาจะพรากสามีของฉันไป แต่ก็คงเอาไปได้เพียงร่างกาย เพราะจิตวิญญาณของเขาได้ส่งต่อมาให้กับลูกๆทุกคนหมดแล้ว
โดยเฉพาะ วิชา ลูกชายคนโต ที่เรียนจบปวช. ด้านบริหารธุรกิจ จากโรงเรียนหานเจียง เมืองปีนัง สหพันธรัฐมาเลเซีย ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วย เฉิน เฉียน ฟัง ที่ร้านเสื้อผ้ากิจสยามพักใหญ่แล้ว ก่อนที่เขาจะเสีย เมื่อขาดเสาหลักไป วิชา ก็ถือธงนำเป็นแม่ทัพคนใหม่ของครอบครัวได้อย่างองอาจ
วิชา นั้นจะเหมือนพ่อเค้า ถอดแบบมาหลายอย่าง เป็นคนฉลาด เก่ง คิดไวทำไว มีความสามารถรอบด้าน ทั้งการค้าการทำธุรกิจ แถมมีทักษะการใช้ภาษาจีนและอังกฤษในระดับสูง สื่อสารค้าขายกับชาวจีน ชาวมาเลย์ หรือฝรั่งมั่งค่าได้อย่างคล่องแคล่ว
ไม่เท่านั้น ลูกชายคนนี้ยังมีความสามารถพิเศษด้านช่าง จะคอมพิวเตอร์เสีย เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านชำรุด วิชา จะลงมือแกะนั่น ถอดนี่ เปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมคืนให้กลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม ทั้งๆที่ไม่เคยไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ แต่เขาก็สามารถซ่อมแซมมันได้อย่างน่าทึ่ง ทำเอาน้องๆและคนในบ้านงงไปตามๆกัน
วิชามีภรรยาชื่อคุณ “สุทธิพร ศรีจำปา” หรือ "แอน" มีลูกชายคนโตชื่อ "พงษ์นภัส" ชื่อเล่น “แบงค์” ลูกชายคนเล็กชื่อ "วีรพงศ์" ชื่อเล่น “ไบร์ท”
วิชา สานต่อกิจการของครอบครัวร้านเสื้อผ้ากิจสยามอยู่สักพัก ก็ได้ ปุณยวีร์ หรือ “ฟี้” ลูกสาวของฉัน ที่เรียนจบจากกรุงเทพฯ เข้ามาช่วยงาน สองคนพี่น้องช่วยกันสุดกำลังและความสามารถ เพื่อผลักดันสร้างความเติบโต แถมยังต้องมีภาระช่วยส่งเสียน้องๆ อีก 5 คน ที่ยังเรียนไม่จบ
กิจการร้านเสื้อผ้าทำท่าว่าจะไปได้สวย เพราะสองศรีพี่น้องได้ขยายสาขาเพิ่มอีกแห่งในชื่อ “ร้านนิวซิตี้” ในตัวเมืองเบตงนั่นแหละ ห่างจากร้านกิจสยามไปไม่ไกลนัก
ด้วยความมั่นใจว่าเศรษฐกิจในพื้นที่อยู่ในช่วงขาขึ้น นักท่องเที่ยวไทย ชาวมาเลย์และชาวต่างชาติ แวะเวียนมาเที่ยวชมและมาจับจ่ายใช้สอยที่เมืองใต้สุดแดนสยามกันคับคั่ง คึกคัก และน่าจะยืนระยะไปได้อีกหลายปี
ทว่า สิ่งที่วาดฝันไว้ก็ต้องพังทลายลง ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบของกลุ่มก่อการร้าย
ช่วงต้นปี พ.ศ. 2524 หมอกควันแห่งความไม่ปลอดภัย เริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองเบตง เกิดเหตุลอบวางระเบิด จี้ปล้น ยิงนักท่องเที่ยวเป็นระยะๆ ไม่เว้นแต่ละเดือน สร้างความหวาดผวาให้กับคนนอกพื้นที่เป็นอย่างมาก
นักท่องเที่ยวชาวมาเลย์ ชาวต่างชาติ ที่แห่เข้ามาปักหมุดกันคึกคัก ชุกชุม ก็หายวับไปกับตา เมืองที่เคยเปี่ยมมนต์เสน่ห์ ก็กลับกลายเป็นเงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวา ราวกับเมืองร้าง แล้วแบบนี้คนทำมาค้าขายจะอยู่กันได้ยังไง
แม้วิชาและฟี้จะเป็นคนเก่ง แต่เมื่อไร้นักท่องเที่ยว ค้าขายไม่ได้ ก็จำต้องปิดกิจการร้านเสื้อผ้าทั้ง 2 แห่ง ไปโดยปริยาย
พูดถึง วิชา ลูกชายคนโตคนนี้แล้ว ฉันก็ยังรักและคิดถึงเขาไม่หาย เพราะเค้าจากไปตอนฉันอายุได้ 67 ปี ด้วยการเจ็บไข้ได้ป่วยขั้นรุนแรง แม้ทุกคนในครอบครัวจะพยายามช่วยกันหาวิธีรักษาทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้
นับเป็นอีกหนึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว และกระทบจิตใจฉันเป็นอย่างมาก.